ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้วิวัฒนาการของมนุษย์

1 วิวัฒนาการของมนุษย์ ตอนที่ 1

วิวัฒนาการ (Evolution) 1


       คำว่า วิวัฒนาการ ในภาษาอังกฤษคือ Evolution ในความหมายทั่วไป หมายถึง การเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับโดยอาศัยระยะเวลาอันยาวนาน ในด้านชีววิทยา วิวัฒนาการ คือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง 
     วิวัฒนาการเกิดจากกระบวนการหลัก 3 กระบวนการ ได้แก่ ความแปรผัน การสืบพันธุ์ และการคัดเลือก 

     ก่อนที่จะมาศึกษามนุษย์ในปัจจุบัน หรือวิเคราะห์ว่าร่างกายมนุษย์จะมีขีดความสามารถ หรือพัฒนาไปถึงไหน จะต้องย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์และบรรพบุรุษของเรา 

     ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) คือคนแรกที่ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับความคิดที่ว่ามนุษย์มีความคล้ายคลึงกับลิงใหญ่คือ On the Origin of Species ในปี ค.ศ. 1859 และหนังสือเล่มถัดมาของเขา Descent of Man ถัดมาได้เป็นทฤษฎีวิวัฒนาการ ที่เป็นที่ยอมรับจนถึงทุกวันนี้      วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชีววิทยา ที่เด่นชัดก็คือ มานุษยวิทยากายภาพ (physical anthropology) และพันธุศาสตร์ (genetics) นักชีววิทยาได้จัดให้มนุษย์อยู่ในหมู่อาณาจักรของ Animalia หมายถึงสัตว์ คือสิ่งมีชีวิตมีผนังห่อหุ้ม ประกอบด้วย หลายเซลล์มีการแบ่งหน้าที่ของแต่ละเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่างแบบถาวร ไม่มีคลอโรฟิลล์ สร้างอาหารเองไม่ได้ 

     บรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันมีรูปร่างคล้ายๆ หรือเหมือนกัน เรียกโดยรวมว่าไพรเมต (Primates) ซึ่งมีชีวิตอยู่ช่วงยุค Cretaceous คือยุคท้ายๆ ของไดโนเสาร์เมื่อ 60 ล้านปีมาแล้วไพรเมต เก่าแก่ที่สุดมาจากบริเวณทวีปแอฟริกา และเมื่อประมาณ 17 ล้านปีก่อน ได้แพร่กระจายไป ยุโรป เอเชีย และ อเมริกาเหนือ บรรพบุรุษของเราคือ โปรคอนซูล (Proconsul) เป็นลิงไม่มีหาง อาศัยอยู่ในบริเวณทวีปแอฟริกาตะวันออก เมื่อประมาณ 20 ล้านปีมาแล้ว 

     เมื่อ 4 ล้านปีก่อน พื้นที่ที่เคยเป็นป่าได้กลายเป็นพื้นที่ทุ่งมากขึ้น ลิงซึ่งชินกับการอยู่เฉพาะบนต้นไม้ ได้ปรับตัวมาอยู่บนพื้นดินมากขึ้น กลายเป็นลิงไม่มีหาง ได้วิวัฒนาการมาเป็นสปีชี่ส์ Australopithecus afarensis ซึ่งสามารถใช้ชีวิตบนพื้นดิน สามารถเดินสองขาและเดินสี่ขาได้ ต่างจากลิงชนิดอื่นที่ไม่สามารถเดินสองขาได้ สาเหตุของการปรับตัวให้เดินสองขาได้นั้นเป็นเพราะการเดินสองขานั้นสามารถยืดตัวให้สูงขึ้น สามารถมองเห็นพื้นที่ทุ่งได้ไกลมากขึ้น

     เมื่อ 3 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ Australopithecus afarensis ลงมาจากต้นไม้ ก็ได้มีโอกาสในการเดินทาง ค้นพบพื้นที่ใหม่ ๆ และตั้งถิ่นฐานใหม่ ๆ ขึ้นทั่วทวีปแอฟริกา พละกำลังในการดำรงชีวิตได้ไช้มากขึ้น ร่างกายจึงได้แข็งแกร่ง มีขนาดลำตัวที่ใหญ่ขึ้น และพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์ใหม่ คือ Paranthropus boisei มีน้ำหนักประมาณ 68 กิโลกรัม และสวนสูงประมาณ 130 เซนติเมตร แต่ยังไม่ได้ฉลาดขึ้น ยังไม่สามารถจะเรียกว่ามนุษย์ได้ 

     การดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปในหลากหลายพื้นที่ ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องปรับตัว ทำให้มีสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาตามสภาพพื้นที่ที่อาศัยอยู่ และนี่เองคือช่วงที่ทำให้นักชีววิทยาวิเคราะได้ลำบากว่าสปีซี่ส์ไหนคือต้นตระกูลของมนุษย์ หรืออาจจะมาจากหลายสปีชี่ส์นั่นเองที่ทำให้มนุษย์มีความหลากหลาย เช่น คนผิวดำมีโครงสร้างใหญ่ ล่ำ คนผิวขาวจะมีผมสีทอง และคนเอเซียจะมีโครงสร้างที่เล็กกว่า 
     ลิงเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่เป็นกลุ่ม เนื่องจากไม่มีเขี้ยว หรือ เล็บ ไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้ ต้องอาศัยกลุ่มในการช่วยสังเกตภัยอันตราย และในการหาอาหาร การที่แพร่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ในโลกทำให้การดำรงชีวิตต่างกันมาก บางพื้นที่ที่ภัยจากสัตว์ล่าเนื้อมีมากและความต้องการที่จะล่าสัตว์มีมาก จึงได้คิดค้นอาวุธเร็วขึ้น และร่างกายพัฒนามีกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น ต่างจากบางพื้นที่ที่ภัยอันตรายมีน้อยกว่า และพืชผลไม้มีมาก สปีชี่ส์นั้นจึงได้มีความใจเย็นมาก 

     สปีชี่ส์ที่พัฒนาต่อมาที่น่าจะมีความเป็นมนุษย์รุ่นแรกคือ โฮโม เอรกาสเตอร์ (Homo Ergaster) ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นมนุษย์ต้นแบบที่วิวัฒนาการเป็นมนุษย์ไปอีกหลายสาย คือ โฮโมอีเร็คตัส (homo Erectus) อาศัยอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และอาฟริกาตะวันออก เมื่อ 1.5 ล้านปีมาแล้ว มีความเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว      มนุษย์ปักกิ่ง (Peking Man) อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อประมาณ 3-4 แสนปีมาแล้ว เริ่มรู้จักจุดไฟใช้เองได้ นิยมล่ากวาง โดยใช้เครื่องมือที่ทำจากหิน  

     โฮโมแซเปียนส์ (Homo Sapiens) สายพันธุ์มนุษย์ ในยุโรปและตะวันออกกลาง มีอายุเมื่อ 250,000 ปีมาแล้ว ยังชีพด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร โดยใช้อาวุธที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้น 

     มนุษย์ นีแอนเดอธัส (Homo Neanderthalensis) อาศัยอยู่ในยุโรปและตะวันออกกลาง เมื่อ 100,000 ปีมาแล้ว เป็นสปีชี่ส์ที่ตัวใหญ่ที่สุด อาศัยอยู่ตามถ้ำ ล่าสัตว์เป็นหลัก 

     ช่วงหลังเมื่อไม่กี่หมื่นปีมานี้ ความแตกต่างระหว่างสปีชี่ส์ยังคงมีอยู่ และ แยกแยะได้สามเผ่าพันธุ์หลัก คือ คอเคซอยด์ เช่น ฝรั่ง, เเขกขาว, ลาติน - มองโกลอยด์ เช่น เอเชียตะวันออก, เเขกดำ, อินเดียนเเดง, เอสกิโม และนิกรอยด์ คือคนผิวดำ 

     เดิมทีมนุษย์รุ่นแรก ๆ เมื่อห้าพันปีก่อนคริสต์ศักราช รู้จักเก็บข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์ไปประกอบทำเป็นอาหาร ต่อมาด้วยความฉลาดและความสังเกต ทำให้มนุษย์สามารถที่จะเพาะปลูกได้เอง โดยเริ่มในเขตเมโสโปเตเมีย 

     จะเห็นได้ว่าวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นไม่หยุดนิ่ง มนุษย์รู้จักสร้างเครื่องมือนานาชนิดในการดำรงชีพ รู้จักคิดและใช้ปัญญาในการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ โดยอาศัยปัญหาในอดีตเป็นแนวทางเพื่ออนาคต นักวิทยาศาสตร์ ชื่อ ทีดอบฮานสกี (T. Dobhansky) ได้ให้ความเห็นว่ามนุษย์ยังมีวิวัฒนาการอยู่ แต่ในทางชีวภาพก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการไปในทิศทางใด 

     นอกจากทางชีวภาพแล้ว มนุษย์ยังมีวิวัฒนาการในทางวัฒนธรรมอีกด้วย และยังมีความก้าวหน้าในการคิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้มากมายหลายชนิด การวิวัฒนาการ ทางวัตถุต่าง ๆ ก็อาจมีผลทำให้เกิดวิวัฒนาการทางชีวภาพไปด้วย ผลของการวิวัฒนาการต่อไปในโอกาสข้างหน้าก็เป็นเรื่องที่อาจคาดคะเนได้ แต่จะเป็นไปตามการคาดคะเนหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันต่อไปในตอนที่สอง.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น